วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

ยารักษาโรคมะเร็ง ทุกระยะ1-2-3 หมอสมหมาย ทองประเสริฐ


ศูนย์จำหน่าย
เขตลาดพร้าว บึงกุ่ม นวมินทร์ รามอินทรา มีนบุรี

ยารักษาโรคมะเร็งหมอสมหมาย ทองประเสริฐ 

ราคา กระปุ๊กละ 900.บาท

โปรโมชั่น
ซื้อ 5 กระปุ๊ก ในราคา 4,500.บาท
แถมฟรี
เอ็นไซม์น้ำผลไม้ลีลาวดี 1 ขวดในราคา 1,400.บาท

พร้อมบริการจัดส่งใกล้-ไกล  100 บาท

ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่

ติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หมอสมหมาย  ทองประเสริฐ
หรือสั่งซื้อได้ที่ G - HERB  SHOP  สาขาลาดพร้าว บึงกุ่ม เกษตร-นวมินทร์
โทร. 02 - 916-4208, 087-059-5569 ภร ..081-984-2503 พล


                                 


"ผมทานสมุนไพรตำรับนี้มากว่า 40 ปีแล้ว
พบว่ามีประโยชน์ต่อระบบต่างๆ ในร่างกายมาก
ปัจจุบันผมอายุ 92 ปี สุขภาพยังแข็งแรง
สมารถตรวจรักษาคนไข้ได้ตามปกติครับ"

       
           กว่าสี่สิบปีที่นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ ได้รักษาคนไข้หายจากการเป็นมะเร็งได้อย่างน่ามหัศจรรย์เป็นจำนวนมาก จนได้สมญา "หมอเทวดา" เป้นที่กล่าวขานทั่วทุกสารทิศ
นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ ได้ค้นคิดและรวบรวมวิธีรักษาคนไข้โรคมะเร็งจากสมุนไพร จนกระทั้งได้ยาต้มที่สามารถช่วยให้ก้อนมะเร็งยุบ และได้ผลิตยารักษา จนได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณะสุข
ที่ผ่านมา มีคนไข้มาเข้ารับการรักษาทั้งจากในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ในขณะที่สมุนไพรหลายชนิดปลูกได้ในพื้นที่เฉพาะ เติบโตในฤดูกาลที่จำกัด ทำให้คุณหมอต้องจำกัดยาไว้เฉพาะผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเท่านั้นและรับคนไข้นอกในจำนวนที่จำกัดต่อวัน รวมทั้งยาต้มก็ไม่สะดวกในกรณีที่คนไข้ต้องเดินทางไปทำธุระ
ด้วยความตระหนักถึงเงื่อนไขดังกล่าว และด้วยความห่วงใยคนไข้ คุณหมอจึงดำริให้มีการคิดค้น สารสะกัดสำคัญจากสมุนไพรดังกล่าวออกมาในรูปแคปซูล เพื่อความสะดวกของคนไข้ในการรับประทาน และเห็นผลในการรักษาเช่นเดียวกัน



         ระบบไหลเวียนของน้ำเหลืองภายในร่างกายคนเรา ประกอบด้วยต่อมน้ำเหลืองและท่อน้ำเหลือง  หน้าที่ของระบบไหลเวียนน้ำเหลืองเกี่ยวข้องกับการป้องกันโรคและป้องกันการติดเชื้อหากระบบน้ำเหลืองผิดปกติ ก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็ง

    ทะเบียนยาเลขที่ G75/55
  • เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสารสกัดเข้มข้นของสมุนไพรนานาชนิดเช่น แทงทวย พุทธรักษา ลิ้นงูเห่า เหงือกปลาหมอ ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ทองพันชั่ง และอื่นๆ ใช้หลักการ Spray Drying methol เพื่อทำให้ผงแห้งแล้วบรรจุแคปซูล ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย
  • ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย สรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงน้ำเหลือง สะดวกสำหรับพกพา และรับประทาน เห็นผลเสริมภูมิต้านทานร่่างกายไม่แพ้การรับประทานยาต้มสมุนไพร


นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ

เคสผู้ป่วยกล่าวขอบคุณคุณหมอสมหมาย
   1.  นฤมล  ว่องไพทูรย์            ดิฉันเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง  สาเหตุมีวันหนึ่งไม่สบาย  เป็นหวัดไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง  ผลปรากฏว่าต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอบวมโตมาก  คุณหมอหู  คอ  จมูก  ก็สงสัยว่าทำไมถึงได้บวมโตขนาดนี้  ก็เลยส่งไปหาหมออีกท่านที่เกี่ยวกับเรื่องเลือดโดยเฉพาะ  ผลปรากฏว่าค่าเลือดที่ออกมาเม็ดเลือดขาวมีค่าเลือดค่อนข้างสูง  109,000  ยูนิต  ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่าจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง  คุณหมอแนะนำว่าให้ทำคีโมอย่างเดียวเพื่อทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำลง  แต่เนื่องจากส่วนตัวไม่สนใจเรื่องเคมีบำบัด  ก็เลยลองไปตรวจซ้ำอีกที่โรงพยาบาล  ผลออกมาเป็นแบบเดียวกันคือต้องให้เคมีบำบัด มิฉะนั้นค่าเม็ดเลือดขาวจะไม่ลง  แต่แล้ววันหนึ่งได้ดูทีวีเห็นข่าวคุณหมอสมหมายว่ารักษาเกี่ยวกับโรคมะเร็งด้วยยาสมุนไพรซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นหมอเทวดา  อยู่ที่สิงห์บุรี  ก็เลยมาหาคุณหมอในวันที่  29  กันยายน  2553  ดิฉันมารอคุณหมอแต่เช้า  พบว่าคุณหมอมีคนป่วยเยอะมาก ทั้งใหม่และเก่า  กว่าจะได้ตรวจก็  3  โมงเย็น  พอคุณหมอได้เห็นค่าเลือดคุณหมอหัวเราะ  บอกว่าเป็นเคสที่เล็กน้อยมาก  ทานยาแค่ครั้งเดียวก็หายแล้ว  ก็เลยลองทานยาดู  ช่วงแรก ๆ ก็รู้สึกมึนหัว  แต่ก็พยายามทานจนครบสองอาทิตย์และได้เดินทางไปอเมริกา  เพื่อไปหาน้องชายที่ทำงานเกี่ยวกับด้านการแพทย์  น้องชายก็เป็นห่วงเลยให้ไปลองตรวจเลือดดูผลปรากฏว่าค่าเลือดเม็ดเลือดขาวจาก  109,000  ยูนิต  ลดลงมาเหลือ  18,000  ยูนิต  ซึ่งเป็นที่ประหลาดใจมาก  หลังจากนั้นอีก  1  สัปดาห์หลังจากที่กลับมาแล้ว  ก็จะครบ  1  เดือนจึงไปตรวจเลือดอีกครั้งแต่ละครั้งจะตรวจที่โรงพยาบาลไม่ซ้ำกัน  ผลออกมาเหลือแค่  7,000  ยูนิต  มาวันที่  28  ตุลาคม  2553  ดิฉันมาให้คุณหมอสมหมายดูผลซึ่งเป็นที่น่าพอใจ  คุณหมอก็หัวเราะบอกว่าปกติแล้ว  ดิฉันอยากกราบขอบพระคุณคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐเป็นอย่างสูงอยากให้ทุกคนที่เป็นโรคมะเร็ง ณ ตอนนี้อย่าสิ้นหวัง  อย่าสิ้นกำลังใจหากตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งก็ให้รีบมาหาคุณหมอสมหมายโดยด่วนอย่าเพิ่งรักษาทางด้านเคมี เพราะจะรักษายาก  ถ้ามาหาคุณหมอโดยเร็วก็จะหายเร็วขึ้นอย่างดิฉัน  กราบขอบพระคุณคุณหมอมากค่ะ 
  2.  นก  กันน้อยเทียม  อายุ  45  ปี          เป็นโรคนี้มาประมาณ  2  ปีไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์  แต่พอผลเป็นโรคร้ายก็ย้ายไปโรงพยาบาลศรีนครินทร์  จังหวัดขอนแก่น  ต่อมาอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ว่ามีหมอสมหมายรักษาอยู่ที่สิงห์บุรี  ครั้งแรกวันที่  17  ตุลาคม  2553  หลังกินยาก็รู้สึกดีขึ้น  หายใจคล่องขึ้น
ผมต้องขอขอบคุณคุณหมอสมหมายมาก ๆ

 
  3.  ณัฐพล  กรกรรณ  อายุ  14  ปี           เป็นโรคมะเร็งเมื่อเดือนสิงหาคม  2553  ได้มาหาคุณหมอสมหมายแล้วรู้สึกดีขึ้น  หมอให้คำแนะนำดี  ตัวยาที่ทานก็สามารถบรรเทาอาการได้  ตอนกลางคืนจากที่นอนไม่หลับก็นอนหลับ  กินได้ขอบคุณหมอสมหมายที่ช่วยรักษาผมให้หายด้วยครับ
 
  4.  ไกรสร  พุกคล้าย          เป็นมะเร็งเต้านม  ครั้งแรกพอรู้เรื่องก็ไปหาหมอ  ตรวจอยู่  3  เดือนแต่ลูกที่อยู่ต่างประเทศเห็นข่าวคุณหมอทางอินเทอร์เน็ต  ลูกชายก็ติดต่อให้มาที่สิงห์บุรี  ครั้งแรกตอนที่เป็นคลำดูเป็นก้อนใหญ่  เวลานอนก็ไม่ค่อยสบายรู้สึกว่ามันตึง ๆ เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยมีแต่พอได้มาหาคุณหมอสมหมาย  ก็กินได้  นอนหลับ  มีเรี่ยวแรงอยู่ที่บ้านก็ทำงานทุกวัน  เช้ามาก็ออกวิ่ง  แต่ก่อนไม่คิดอยากจะวิ่งเลยรู้สึกดีใจมาก  คิดถูกแล้วที่มาหาคุณหมอสมหมาย  ตอนแรกคิดว่าจะตายแล้ว  ไม่เสียใจเลยที่มารักษาที่นี่  ถ้ารักษาที่อื่นคงจะเสียใจแต่ถึงจะตายที่นี่ก็พร้อม  แต่คิดว่าคงจะไม่ตายด้วยโรคนี้แล้วเพราะคุณหมอช่วยไว้  ถ้าจะตายคงจะตายด้วยโรคอื่น  ตอนนี้ก้อนที่เต้านมก็เล็กลง  คุณหมอบอกว่าต่อไปอาจจะหมดได้  ใจใจคิดว่าคงจะหมดและไม่มีอะไรแล้ว  ภูมิใจมากที่สุดที่มาหาหมอถูกคน  ขอขอบพระคุณ  คุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐที่ได้ทำการรักษาจนดีขึ้น
 
  5.  ฉุย  กลิ่นประทุม          ตอนอายุ  17  ปี  ไปรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท  บอกว่าเป็นโรคประจำตัวคือลมประสาท  หลังจากนั้นก็ไม่ได้รักษาต่อ  แต่กลับมารักษากับคุณหมอสมหมายเป็นประจำก็ดีขึ้นนาน ๆ ก็จะมาหาคุณหมอสักที  ถ้าเกิดอาการกำเริบ  ไม่ได้พูดเกินจริงเลย  ขอขอบคุณคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐที่รักษามาจนตอนนี้อายุ  60  กว่าแล้ว  อาการก็ดีขึ้นมาตลอด  ได้แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว
 
  6.  โสภณ  รุ่งนิเวศน์  อายุ  53  ปี         เมื่อประมาณต้นปี  2553  ได้พบก้อนเนื้อบริเวณขาหนีบ  และได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลรามคำแหงได้ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจปรากฏว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง  พอดีได้ยินข่าวเรื่องคุณหมอสมหมายที่รักษาโรคมะเร็ง  ก็เลยเริ่มมารักษาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม  2553  รักษามา  3  เดือนกว่า  ต่อมน้ำเหลืองยุบลง  เริ่มจะดีขึ้นดีใจมากครับ  ต้องขอขอบคุณคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐมากครับที่ทำให้ผมดีขึ้นแบบนี้
 
 
 
 7.  ธนะคร  เจตทวีกิจ  อายุ  47  ปี
         มาทำการรักษาที่นี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม  ก็ตรวจพบชิ้นเนื้อบริเวณคอตั้งแต่เดือนกันยายน  ไม่แน่ใจว่าเริ่มเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่ที่ตรวจพบเป็นระยะที่  3  แล้ว  บริเวณคอจะมีก้อนเนื้อแข็งเป็นไต  ที่มาหาคุณหมอสมหมายครั้งนี้เป็นครั้งที่  4  แล้วพบว่าบริเวณหลังคอยุบลง  แต่บริเวณคอยังเป็นอยู่นิดหน่อยดีขึ้นกว่าก่อนที่มารักษา  และรักษาต่อไป  กราบขอบพระคุณคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐที่รักษาผมจนดีขึ้น
 
 8.  เอื้อพันธุ์  จันทร์โชติ  อายุ  60 ปี         เริ่มเป็นมะเร็งที่ปากช่องปากช่องคลอดมดลูก  แต่ตอนนี้หายแล้ว  ดีใจที่ได้รู้จักคุณหมอ  กราบขอบพระคุณคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐที่ทำให้ดิฉันหาย
 
 9.  ทองบ่อ  ห่อกะสิงห์  อายุ  57  ปี           เป็นมะเร็งที่เต้านม  มารักษากับคุณหมอสมหมายแล้วอาการดีขึ้นเริ่มมารักษาตั้งแต่เดือนสิงหาคมครั้งนี้เป็นครั้งที่  4  แล้ว  ผลการตรวจวันนี้เป็นที่น่าพอใจดิฉันดีใจมาก  ก็ต้องขอบคุณคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐมากที่ช่วยชีวิตดิฉันไว้
 
 10.  ธัญาพัฒน์  วงศ์วิมล           เป็นมะเร็งที่โพรงจมูกแล้วกระจายลงไปที่ตับกับที่ปอด  เป็นตั้งแต่ปี  2551  รักษาโดยการฉายแสงและการทำเคมีบำบัด  ผมมาหาหมอสมหมายเมื่อกันยายน  2553  ได้รับการรักษาโดยการกินยาสมุนไพร  ยาหม้อต้ม  อาจารย์หมอบอกว่าเป็นการระงับการกระจายตัวของมะเร็งในร่างกายที่สำคัญคือกำลังใจที่อาจารย์หมอให้ผมมาผมรู้สึกว่าดีขึ้นในระยะ  4  เดือนที่มารักษากับอาจารย์หมอ  ร่างกายแข็งแรงขึ้นระดับหนึ่ง  ต้องกราบขอบพระคุณคุณหมอสมหมายที่รักษาผมแล้วผมจะบอกกล่าวต่อไปยังประชาชนที่เป็นโรคมะเร็งเหมือนผมด้วยนะครับ  ขอบคุณมากครับ
 
 11.  ยุพิน  ก้อนทอง  อายุ  52  ปี          เริ่มเป็นมะเร็งเมื่อปี  พ.ศ.  2549  เป็นมะเร็งที่ไตระยะสุดท้ายได้ตัดทิ้งไป  1  ข้าง  หลังการผ่าตัดก็เกิดเอ็กซิเดนท์ที่ลำไส้ก็ตัดลำไส้ไปอีก  หลังจากนั้นปีกว่าก็มาเป็นมะเร็งที่มดลูกก็ตัดมดลูกอีก  อีก  7  ถึง  8  เดือนไปตรวจร่างกายก็เจอว่าเป็นมะเร็งในร่างกายแต่ยังไม่รู้ว่าจุดไหน  แต่ไปตรวจที่พญาไทก็บอกว่าเป็นที่ลำไส้กับตับเลยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ศูนย์มะเร็ง  จังหวัดลพบุรี  ศูนย์มะเร็งระบุว่าเป็นมะเร็งที่ตับขั้นที่  4  ต้องได้รับการรักษาด่วนโดยการให้คีโม  ขณะที่ไปตรวจก็ไม่ได้บอกว่าได้มาหาคุณหมอสมหมายและกินยาสมุนไพรของคุณหมอไปด้วย  ระหว่างนั้นก็คิดว่าคนที่มาตรวจที่ศูนย์หมอมะเร็งอาจจะตรวจผิดพลาด  เลยทำเรื่องไปที่ศิริราช  เพื่อจะตรวจซ้ำอีกครั้ง  เมื่อไปตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ศิริราชกว่าจะได้ตรวจก็ประมาณเดือนครึ่งผลออกมาว่าเป็นมะเร็งขั้นที่  4  เป็นที่ตับและกระจายไปที่ปอด  แล้วจากปอดก็กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง  หมอบอกว่าลักษณะอาการแบบนี้เกินเยียวยาก็ถามคุณหมอว่าทำไมตัวเองยังดูโอเคอยู่  ร่างกายยังแข็งแรงอยู่หมอบอกว่าอยู่ที่ใจที่คิดจะสู้ของเราด้วย  แต่ดิฉันไม่ได้บอกว่าดิฉันกินยาของคุณหมอสมหมาย  ก็แอบกินยาของคุณหมอสมหมายมาตลอดเพราะที่ศิริราชกว่าจะได้ตรวจก็หลายเดือน  หลายคนก็บอกว่า  เอ๊ะ  ทำไมอาการขั้น  4  น่าจะนอนแบ็บอยู่บ้านแล้ว  เราก็บอกว่าไม่รู้ว่าหายหรือไม่หาย  แต่พอกินยาคุณหมอสมหมายแล้วอาการก็ดีขึ้นจึงกินตลอดมา  วันนี้ก็มาเอายาไปกิน  และดิฉันจะไม่หยุดกิน  กินยาหมอแล้วกินข้าวได้  ระบบขับถ่ายดีขึ้น  ดิฉันต้องขอขอบคุณคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐ  สิงห์บุรีที่ช่วยให้ดิฉันได้รักษาตัวแล้วดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อจนทุกวันนี้
 
 12.  สุพัทรวดี  วีระวัฒนาพงศ์           เริ่มป่วยเมื่อปี  2540  ปัจจุบันได้มารักษากับคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐ  ทานยาต้ม  เป็นมะเร็งเต้านม  มีก้อนมะเร็งที่หน้าอก  ที่รักแร้  ที่แขนโตมาก  พอมารักษากับคุณหมอทานยาแล้วก้อนยุบลงมาก  ดีขึ้นมากต้องขอบคุณคุณหมอมากค่ะ
 
 13.  ศรีวิไล  ทองสว่าง  อายุ  53  ปี          เริ่มต้นเป็นภูมิแพ้ได้  3  เดือน  เล็บร่วง  ผมร่วง  ก็มาหาคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐที่สิงห์บุรี  ผลปรากฏว่าเล็บไม่ร่วง  ผมเริ่มงอก  อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ดิฉันมาหาหมอ  3  ครั้งแล้วต้องขอขอบคุณคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐ  ที่รักษาและคิดว่าหายขาดได้เพราะหมอสงสัยว่าเป็นภูมิแพ้สะเก็ดเงินฉันดีใจที่ได้ยินว่าหมอบอกว่ามีโอกาสหาย  เดินทางมา  700  กิโลจากแม่แจ่ม  แต่ผลที่ได้รับมันหายเหนื่อย  ดีใจ  ใครเป็นสามโรคนี้ให้มาที่สิงห์บุรี  1.  มะเร็ง  2.  ภูมิแพ้  3.  สะเก็ดเงิน  อย่างภูมิแพ้เนี่ยรักษาหายจริง ๆ ดีใจที่ตัวเองมาอยู่ตรงนี้
 
 14.  นิ่มนวล  พบพัฒน์  อายุ  42  ปี          เริ่มเป็นตอนปี  พ.ศ.  2548  รักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันก่อน  หลังจากนั้นมาหาคุณหมออีกครั้งเมื่อ  3  ปีให้หลัง  พบว่ามีก้อนเล็ก ๆ ที่เต้านมด้านขวาก็ไม่สบายใจ  แล้วเสิร์ชจากอินเทอร์เน็ตเจอคุณหมอสมหมายก็มาให้ท่านตรวจดู  แล้วเอายาไปทาน  ทานไป  1  เดือนก็ไปทำแมมโมแกรมก้อนที่เห็นเล็ก ๆ อยู่  3  ก้อนก็ยังไม่แน่ใจ  ยังไม่วินิจฉัยว่าเป็นอะไรเพราะมันยุบไป  อาการต่าง ๆ  ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องขอบคุณคุณหมอสมหมายที่ช่วยให้มีวันนี้  ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่ทำให้ดิฉันสามารถแข็งแรงได้อีกครั้ง
 
 15.  อรจิต  ณรงรัตน์          เป็นมะเร็งปากมดลูก  ตรวจเจอตั้งแต่  พ.ศ.  2548  ตอนแรกไม่ได้รักษาในโรงพยาบาล  คือกินยาต้มตามบ้าน  พอมาปี  2553  เลือดมันออกมาก  ได้มาหาคุณหมอสมหมาย  มารักษาได้  3  ครั้งก็ไม่มีเลือดออก  ไม่มีน้ำเหลืองออกและเหมือนกับหายหลังจากทานยาได้  3  เดือน  มดลูกก็ไม่โต  จึงขอทานยาคุณหมอสมหมายไปเรื่อย ๆ ต้องขอขอบคุณคุณหมอสมหมายที่ช่วยรักษาดิฉันให้หายจากโรคนี้
 
 16.  ประภัสศรี  ทองพันธ์         เริ่มเป็นมะเร็งเมื่อเดือนกรกฎาคม  2552  แล้วมาหาคุณหมอเดือนกันยายน  2553  ตอนนี้มาหาคุณหมอ  4  ครั้งแล้ว  ทุกครั้งที่มาหาคุณหมอก็จะพบว่าอาการดีขึ้นจากฟิล์มเอกซเรย์ที่เอามาให้คุณหมอดูดีใจที่ได้มาหาคุณหมอ  ไม่ผิดหวังที่ได้มารักษากับคุณหมอ  ขอบคุณค่ะคุณหมอ
 
 17.  วัฒนา  พึ่งโพธิ์พระ           เริ่มเป็นมะเร็งเต้านมตั้งแต่พฤษภาคม  2552  ตรวจตอนแรกเจอก้อนเนื้อประมาณ  2  ซม.  ระหว่างดำเนินการรอการผ่าตัดก่อนเนื้อก็ขยายไป  4  ซม.  ผ่าตัดเสร็จก็ทำคีโมไป  6  ครั้ง  ฉายแสงต่อ  25  ครั้งหลังจากนั้น  1  เดือนที่ก้านคอก็มีเม็ดขึ้นมา  ก็กลับไปหาหมอ  หมอก็บอกว่าเป็นมะเร็งก็ให้คีโมต่ออีก  6  ครั้ง  พอครั้งที่  6  ผิวหนังก็แดงขึ้น  หมอบอกว่ามันดื้อยา  แล้วลามมาผิวหนัง  จากนั้นให้ดิฉันเข้าโครงการของโรงพยาบาล  แล้วได้มาเป็นยาทาน  คอร์สนี้ก็ประมาณ  16  ครั้งทานไปได้  12  ครั้งผิวหนังก็เริ่มแดงกลับขึ้นมาอีก  ก็หยุดทั้งยาทั้งโครงการ  หมอบอกว่าได้รับยาไปเยอะแล้ว  และก็แรงมากด้วยจากนั้นก็เลื่อนนัดออกไป  1  เดือน  คอก็ตึงมาก  ไม่ไหวแล้ว  อยู่ได้สองอาทิตย์ดิฉันก็มาหาคุณหมอสมหมายที่สิงห์บุรีเพราะเพื่อนที่ไปรักษาที่โรงพยาบาลด้วยกันแนะนำให้มา  เห็นคุณหมอเคยออกรายการมาที่นี้เดือนตุลาคม  2553  ทานยาไปสองรอบ  อาการผื่นแดงก็แห้งดีส่วนคอที่เคยแข็งก็ดีขึ้น  ขอขอบพระคุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐ  ที่ได้ช่วยชีวิตเอาไว้

ประสบการณ์คนไข้ที่น่าสงสาร     คนไข้ที่ประจวบคีรีขันธ์  เป็นมะเร็งหนักแล้ว  และไม่อยากให้คุณหมอลำบาก  คนไข้ทรมานกับการรักษาคีโม  เลยยอมเดินลงทะเลตาย
      มีคนไข้คนหนึ่งมาหาคุณหมอ  เป็นผู้หญิง  ปรากฏว่าท้องได้  5  เดือนและเป็นมะเร็ง  สรุปแล้วเกินระยะที่จะรักษา  น่าสงสารกว่านั้นคือต้องตายท้องกลม
     คนไข้เส้นเลือดในสมองตีบคนหนึ่งนั่งรถเข็นเข้ามา  สรุปแล้วเป็นมะเร็งเต้านมซ้ำอีก  คุณหมอบอกว่านี้แหละกรรม  แสดงว่าคนนี้มีกรรมถึงต้องลำบากและทุกทรมานมาก
     มีคนไข้รายหนึ่งเป็นเด็กอายุ  9  ขวบ  เป็นมะเร็งเม็ดเลือดอยู่ได้อีกไม่นาน  ผมจ้องลงไปมองในลูกนัยน์ตาของเด็กคนนั้นช่างน่าสงสารจับใจ  เขาต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
วันที่  14  พฤศจิกายน  2551  มีผู้หญิงอายุมากคนหนึ่งทำ  TOCE  คนไข้บอกว่าไม่อยากทำ  ทั้งที่ทำ  TOCE  เป็นเพียงแค่การทดลอง  หมอและพยาบาลช่วยกันกดคุณยายให้นอนกับเตียง   ยายเล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่าสุดจะทรมาน  แต่ต้องทำตามหมอมีคนไข้ชายนั่งรถเข็นมาหาคุณหมอ  คุณหมอถามว่าเป็นมะเร็งชนิดไหนมา  คนไข้ตอบว่าไม่รู้มาจากไหนแน่ชัด  เมื่อเปิดท้องดูพบว่ามีการผ่าตัดมาแล้วทุกทิศทาง  (ผ่าเพื่อหามะเร็ง)  เอาลำไส้ออกหน้าท้อง  เอาอุจจาระออกหน้าท้อง  ผ่าตับ  ผ่ากระเพาะทุกอย่างแต่สรุปรักษาไม่ได้  คนไข้ต้องมาเจ็บจนตาย
      มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาคุณหมอ  บอกว่าหมอที่รักษามาวินิจฉัยผิดว่าเป็นมะเร็งเต้านม  เลยโดนตัดเต้านมฟรี  อย่างนี้สิมีสิทธิฟ้องร้องหมอได้  ถือว่าเป็นความผิดของหมอ
มีครอบครัวหนึ่งเป็นมะเร็งทั้งบ้าน  ยาย  แม่  ลูก  ยายเป็นมะเร็งเต้านม  แม่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่  ลูกเป็นมะเร็งรังไข่คนไข้มักบอกว่าเป็นมะเร็งระยะแรกไม่ค่อยกังวล  คุณหมอตอบกลับไปว่า  พริกขี้หนูเม็ดเล็กใช่ไหม  แต่เวลากินเข้าไปเผ็ดแทบตายคุณรู้ไหมมะเร็งเต้านมขนาด  0.5  ซม.  ตัดแล้วยังตายเลย
 
นิยามของมะเร็ง
มะเร็ง 
คือ โรคร้ายที่คร่าชีวิตมนุษย์ราวใบไม้ร่วง ทุกปีมีคนเสียชีวิตจากมะเร็งเป็นจำนวนมากจัดเป็นโรคที่คร่าชีวิตมนุษย์เป็นอันดับต้นๆ ของไทย และถึงแม้คุณหมอสมหมาย  ทองประเสริฐ  จะมีฉายา ” หมอเทวดา ”  แต่ก็มิใช่ท่านจะช่วยได้ทุกชีวิตที่เจ็บป่วยมาต่อคิวรับการรักษา  เพราะโรคมะเร็งเป็นโรคที่ค่อยไม่ได้ กินทุกวินาทีกินแม้ขณะหลับหรือตื่น  ท่านเปรียบกับไฟลามทุ่ง ไฟไม่ค่อยท่าดอกเบี้ยธนาคารกินวันละหน  แต่มะเร็งกินตลอดเวลา  คุณหมอได้ให้นิยามเกี่ยวกับมะเร็งไว้อย่างเห็นภาพว่า

          • มะเร็ง  คือ  ขโมย  ซึ่งเข้าบ้านโดยเราไม่รู้ตัว  เพราะทุกคนที่เป็นมะเร็งจะไม่รู้ตัวทั้งนั้น  มารู้เมื่อมันโผล่มาแล้ว  เหมือนพวกขโมยจะเข้าบ้านเมื่อไหร่เราไม่รู้ตัว  ตื่นมาข้าวของก็หายไปหมดแล้ว

          • มะเร็ง  คือ  ผู้ร้าย  ซึ่งร้ายที่สุดและหนีตำรวจสุดฤทธิ์  ตำรวจไล่ไม่มีทันเพราะฉะนั้นการรักษาสมัยใหม่ก็คือการไล่รักษา เดี๋ยวให้โน่นย้ายนี่  ไล่กันไปเรื่อยๆ  คนไข้บางคนมาหาหมอสมหมายแล้วบอกว่า  หมอที่รักบอกว่าไม่รู้จะให้ยาอะไรแล้ว  ดื้อยาเคมีหมด  ให้ไปหาสมุนไพรกิน  อย่างนี้เป็นต้น

          • มะเร็ง  คือ  ขี้ผง  กวาดเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด  มะเร็งมันชอบซุกซ่อนอยู่ตามอวัยวะในร่างกาย  ไม่รู้ว่าตรงส่วนไหน  แต่อยู่ดีๆ 10 ปีฉันก็โผล่มาเล่นงาน เป็นเรื่องน่ากลัวมากที่สุด  อาทิ ท่านตัดเอาก้อนเนื้อออกเชื้อมะเร็งไม่ได้อยู่ในก้อนเนื้อแต่อย่างเดียว เชื้อมะเร็งอยู่ในเลือด ในน้ำเหลือง ในเนื้อเยื่อ  มีสิทธิ์งอกหรือกระจายใหม่ได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นการผ่าตัดก็ดี  การฉายแสงก็ดี  การใช้ยาเคมีก็ดี  คือการรักษาแบบยับยั้งชั่วคราวเท่านั้น อย่าคิดว่าหายขาด มะเร็งอาจงอกใหม่ได้ทุกเมื่อเพราะแผนปัจจุบันในการรักษามะเร็ง ได้แค่ ตัด ใช้คีโม ฉายแสง วนอยู่อย่างนี้ ดีไม่ดีก็เปลี่ยนชนิดของยาให้แรงขึ้นๆ ผลก็เหมือนเดิม จากประสบการณ์ของผมซึ่งคนไข้มาบอกให้ฟังอยู่เสมอ ในแผนปัจจุบันไม่มียาอะไรควบคุมการกระจายของมะเร็งได้  ทำได้เพียงไล่ตามมะเร็งเท่านั้น คนไข้บางคนตัดเต้านมมา 20 ปี  แล้วงอกใหม่ก็ยังมี ส่วนใหญ่คนไข้จะเสียชีวิตก่อนถึงเวลาหมอนัด คนไข้บางคนหมอนัดอีกหลายเดือนข้างหน้า เมื่อไปทำคีโม ฉายแสง หรือผ่าตัด  ทั้งที่คนไข้อาการหนักอยู่แล้ว แสดงว่าหมอนัดให้เสียชีวิตก่อน

          คุณหมอเป็นคนพูดตรงมาก รักษาได้ก็รักษา รักษาไม่ได้ก็ไม่รักษา  คนไข้บางคนถึงกับร้องไห้โฮกลับไป บางคนพอมีหวัง ท่านก็รักษาต่อชีวิตให้ ลักษณะการตรวจของท่านจะซักละเอียด  ถ้าคนเป็นมะเร็งตับก็จะเอามือไปกดท้องดูที่ตับ  ถ้าเป็นมะเร็งปากมดลูกก็จะมีเตียงตรวจภายในอยู่ข้างหลัง  ท่านจะเดินไปตรวจสลับกับการนั่งซักอาการ ขนาดอายุ 90 ปีแล้ว แต่ท่านก็เดินตลอดเวลาแถมกระฉับกระเฉงกว่าคนหนุ่มหลายๆ คนเสียอีก
ประเภทและชนิดของมะเร็ง
       จากสถิติของคุณหมอ โรคมะเร็งที่คนไทยเป็นมากที่สุดคือมะเร็งเต้านม อันดับสองมะเร็งปอดและมะเร็งตับ อันดับสามมะเร็งปากมดลูกกับมะเร็งลำไส้  สำหรับมะเร็งต่างๆ และการรักษามีดังนี้ คือ
 
มะเร็งเต้านม        ผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมสังเกตว่าเมื่อคลำๆ ดูพบก้อนเนื้อที่เต้านม ผู้หญิงควรคลำเต้านมด้วยตนเอง ถ้าสงสัยให้
ทำแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวด์
         การตรวจจะมี 2 ระบบ ระบบแรกคือ ใช้เข็มแทงเข้าไปเอาเนื้อมาตรวจ อีกระบบคือ เลาะทั้ก้อนเอาไปตรวจ
ซึ่งการผ่าตัดโดยการเลาะเต้านม มี 4 วิธี คือ

1. เลาะเอาแต่ก้อนออกอย่างเดียว
2. การทำ Lobectomy ไม่ตัดเต้านม เลาะเอาแต่ก้อนและเอาต่อมน้ำเหลืองในรักแร้ออก และเลาะก้อนน้ำเหลืองใน
     รักแร้ด้วย
3. Modify Mastectomy วิธีใช้กันทั่วไป ตัดหมดแต่ไม่ตัดถึงกล้ามเนื้อ
4. Rabical Mastectomy ขณะนี้ไม่ใช้วิธีนี้เพราะต้องตัดกล้ามที่หน้าอกออกทั้งหมด
การรักษาโดยการเลาะทั้งก้อนออกไปตรวจจะดีกว่า ส่วนการนำเข็มแทงเข้าไปเท่ากับเราไปเปิดประตูให้
มะเร็งมันออกมาพอมะเร็งมันมีรูออกมาพรวดถ้าจากเดิมขนาดเท่าหัวแม่มือ เดือนเดียวจะขนาดเท่ากำปั้น เพราะ
มันออกมากระจายได้ ฉะนั้นถ้าเป็นมะเร็งอย่าไปแตะต้องมัน มันอยู่เฉยๆมันก็ค่อยๆโตขึ้นตามระบบของมัน คนที่เป็น
มะเร็งค่อยๆโตอยู่ได้นานถึง 10 ปีก็มี โดยมากจะเป็นคนบ้านนอก ถ้าเป็นคนมีการศึกษา ขนาด 0.5 ซม.  ก็ตัดแล้ว
แต่แตะต้องมันเมื่อไหร่ ควรต้องรีบรักษาทันที

          เมื่อคนไข้มาหาคุณหมอสมหมาย หากเป็นก้อนที่เต้านมก็ต้องคลำเพื่อดูว่า 1. ก้อนมีขนาดใหญ่เล็กแค่ไหน
2. กินผิวหนังสีแดงไหม 3. ในรักแร้มีก้อนไหม ถ้าในรักแร้ไม่มีก้อน และเต้านมไม่ใหญ่นักคุณหมอก็รักษาให้ก้อนยุบ
ในเวลา 4-5 เดือน จากนั้นก็ฉีดยาชาเอาก้อนเนื้อออก ไม่มีการตัดเต้านม ไม่ให้เคมี ให้แต่ยาสมุนไพร คนไข้หายนับ
ไม่ถ้วน แต่ถ้าคนใดเชื้อเข้ารักแร้ก็ต้องให้ตัดเต้า ส่วนการฉายแสงและให้เคมีบำบัดแล้วแต่เขาจะให้ทางโรงพยาบาล
รักษา ผมเคยเห็นคนที่ให้ยาเคมีมาแล้ว แสนจะทรมาน ราคาก็แพง คนไข้ที่ผ่านการให้ยาเคมีแล้วมาหาคุณหมอ
สภาพจะไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ผอม เดินแทบไม่ไหว ศีรษะโล้น ฯลฯ
 
          
มะเร็งปอด      ก่อนหน้านี้สาเหตุของมะเร็งปอดอาจมาจากการสูบบุหรี่จัดแต่สมัยนี้ไม่ใช่แล้ว แต่เป็นเพราะสิ่งแวดล้อม
ที่นับวันจะแย่ลงทุกที เช่น อากาศทั่วไปมีทั้ง Co และ Hydrocarbon และท่อไอเสียจากรถยนต์ คือ น้ำมันจากท่อ
ไอเสียรถหยดลงบนพื้นถนนร้อนและระเหยขึ้นในอากาศ
       มะเร็งปอดเป็นได้ทั้งสอง ทั้งเนื้อปอดและขั้วปอด ส่วนมากคนที่เป็นมะเร็งปอดมักจะเริ่มด้วยการไอ บาง
ครั้งมีอาการไอเป็นเลือดบางคนไปพบหมอ หมออาจจะวินิจฉัยผิดว่าเป็นวัณโรคปอด รักษาแต่วัณโรค ร่างกายก็ทรุดลงมากอีกจุดที่ชี้นำให้เห็นว่าน่าจะเป็นมะเร็งปอด  ก็คืออาจจะมีก้อนที่ไหปลาร้าซ้ายหรือขวาก้อนเดียวหรือหลายก้อน  ถ้าเจาะก้อนเนื้อไปตรวจก็จะพบว่าเป็นมะเร็งที่ปอดกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองและไหปลาร้า  ในบางรายดูดีไม่เป็นอะไรเลยแต่แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกปรากฏว่าน้ำท่วมช่องเยื่อหุ้มปอดบางรายก็เป็นชนิดก้อน  บางรายก็เป็นชนิดกระจายไปทั้งปอด
 
 มะเร็งตับ         ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญอยู่ในช่องท้อง  ตับมีหน้าที่ผลิตน้ำดีช่วยย่อยอาหาร  ช่วยเรื่องเลือดแข็งตัว ช่วยทำลายสารพิษ ดังนั้นอะไรที่เรากิน หรือเสพเข้าไปในร่างกายทุกชนิดต้องผ่านตับ
 มะเร็งตับเท่าที่พบมี 4 ชนิด
1. มะเร็งตับแท้ ( มะเร็งที่เนื้อตับ )
2. มะเร็งท่อน้ำดี
3. มะเร็งถุงน้ำดี
4. มะเร็งที่กระจายจากอวัยวะอื่นไปที่ตับ
โอกาสรักษาหาย
1. มะเร็งที่ท่อน้ำดีรักษาไม่หาย
2. มะเร็งที่ถุงน้ำดี ถ้าตัดออกมีโอกาสหาย
3. มะเร็งที่ตับจะมีก้อนเล็กๆ อยู่บริเวณหมิ่นชายๆ ตับจะตัดง่ายและขนาดไม่โต มีโอกาสตัดออกมาได้ แต่ยากที่จะรักษาหาย เพราะมะเร็งจะงอกขึ้นมาใหม่อีก
         มะเร็งตับในระยะเริ่มต้นมักจะไม่ค่อยแสดงอาการ ส่วนใหญ่คนไข้จะไปหาหมอด้วยอาการรับประทานอาหารแล้วแน่นหน้าอกบริเวณลิ้นปี่ และชายโครงขวา หมอมักจะบอกว่าเป็นโรคกระเพาะถ้ามะเร็งตับกำเริบมากขึ้น อาการแน่นหน้าอกจะมากขึ้นตามไปด้วย คนไข้จะเริ่มเบื่ออาหารน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วรู้สึกอ่อนเพลียสุดท้ายท้องจะป่องชายโครงซ้ายและบริเวณลิ้นปี่จะมีก้อน 2 จุด แล้วแต่จะเป็นจุดไหน ระยะสุดท้ายตาขาวมักจะเหลือง ท้องโตมีน้ำขาสองข้างบวม คนไข้จะผอม ผิวดำ ตาโหล รักษาไม่ได้ทำได้แค่เพียงเจาะเอาน้ำออก เพื่อไม่ให้แน่นท้องเท่านั้น แต่คนไข้มักจะบอกว่าเวลาไปหาหมอให้เจาะน้ำในท้องออก หมอมักจะไม่เจาะให้บอกว่าเจาะแล้วก็โตอีก ผมเคยได้ยินคุ หมอพูดกับคนไข้ ถ้าคุณหมอพูดเช่นนั้นให้ถามคุณหมอว่า หลังปัสสาวะทำไมปัสสาวะแล้วปัสสาวะอีก  การเจาะน้ำออกผมคิดว่าไม่อยาก คนไข้ท้องโตเจาะน้ำออกก็หายแน่นเป็นการบรรเทาอาการแน่ท้องให้คนไข้ แม้รักษาไม่หายก็ต้องช่วยไม่ให้คนไข้ทรมานจึงจะถูกต้อง  ผมว่าหน้าที่ของหมอเมื่อรักษาไม่หายก็ต้องช่วยไม่ให้คนไข้ตายด้วยความทุกข์ทรมาน
 
 มะเร็งตับอ่อน   ส่วนมากคนที่เป็นมะเร็งตับอ่อนมักจะเป็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาการไม่ค่อยบอกล่วงหน้ามากนัก นอกจาก
คนไข้จะรู้สึกปวดท้องโดยหาจุดไม่ได้ และบางคนจะปวดแน่นบริเวณเหนือสะดือ ขวางเหนือสะดือ เพราะตรงนั้นเป็น
ที่ตับอ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังมีอาการปวดหลัง เพราะตับอ่อนจะอยู่ติดกับกระดูกสันหลัง
 ถ้าเป็นที่หัวตับอ่อนมักจะรักษาไม่หาย ผ่าตัดไม่ได้ แต่ถ้าเป็นที่ตัวและหางตับอ่อน บางรายอาจทำการผ่าตัดได้
แต่จะไม่มีโอกาสหายสำหรับคนที่เป็นมะเร็งตับอ่อน โดยทั่วไปมักจะมีอาการท้องอืด เพราะตับอ่อนผลิตน้ำย่อยไม่ได้
บางคนไม่ทราบว่าเป็นจนกว่าตาจะเหลือง ตัวเหลือง และเหลืองทั้งตัว คันไปทั้งตัว
 
         
 มะเร็งในช่องท้อง      ถ้ามะเร็งอยู่ในช่องท้องและท้องโต ถึงเจาะเอาน้ำออกก็ไม่หายเพราะมะเร็งจะกระจายไปทั่วในช่องท้องเรียกว่าPeritonei  ตลอดเวลาเลยต้องรอเวลาอย่างเดียว  ไม่มีทางรักษา ทำได้เพียงท้องโตก็เจาะน้ำออกทุกอย่างในช่องท้องจะแปรปรวนไปหมด
       คนไข้ไปหาหมอก็เริ่มด้วยการปวดท้อง หมอจะให้ยารักษาโรคกระเพาะทั้งนั้น  ที่จริงควรวินิจฉัยโรคให้ดี ผมเห็น มีคนไข้บางคนมาบอกหมอสมหมายว่า “คุณหมอ ขอยาให้ฉันกินให้ตายไปเถอะฉันทรมาน” เพราะคนไข้กินไม่ได้ ท้องป่อง แล้วจะมีชีวิตอยู่อย่างไร
       ส่วนใหญ่ถ้าคนไข้ปวดท้องหมอจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะ โรคลำไส้ ไม่ค่อยได้นึกถึงโรคมะเร็งถ้าท้องโต
       คุณหมอมักแนะนำให้ทำคอมพิวเตอร์ดูอวัยวะในช่องท้อง
 
 มะเร็งรังไข่      มะเร็งรังไข่เป็นมะเร็งที่รักษายากมาก เพราะว่าก่อนที่จะผ่าตัดซึ่งมะเร็งรังไข่มักจะแตกง่าย เนื่องจากผิวของก้อน
     มะเร็งบางมากทำให้เซลล์มะเร็งกระจายไปในช่องท้อง เมื่อผ่าตัดแล้วเซลล์มะเร็งรังไข่ที่กระจายไนช่องท้องไม่สามารถเอาออกได้ เพราะเคมีนี้จะวนอยู่ในเส้นเลือดนอกท้อง ไม่สามารถเข้าไปฆ่ามะเร็งที่หลงเหลือในช่องท้องได้คนไข้ที่ได้รับการรักษาวิธีนี้จึงมีโอกาสหายได้ยากมาก ส่วนมากจะงอกอีกและมีน้ำในช่องท้อง แต่คุณหมอจะใช้ยาฉีดเฉพาะสำหรับฆ่ามะเร็งรังไข่เข้าไปในช่องท้องเพื่อเข้าไปฆ่าเซลล์มะเร็งในช่องท้อง ทำให้
ก้อนมะเร็งยุบลงด้วย ทำให้คนไข้มีโอกาสหาย ซึ่งในปัจจุบันไม่มีแพทย์ท่านใดทำได้เช่นนี้ คุณหมอได้พบวิธีรักษานี้โดยบังเอิญ และสามารถช่วยให้รอดชีวิตได้มากมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งปากทวาร จากประสบการณ์ของคุณหมอ การผ่าตัดต้องเย็บทวารปิด แล้วจะมีแผลเป็นรอยที่หน้าท้องด้านซ้าย ปรากฏว่าในช่องท้องที่ปิดทวารมีโอกาสมากที่มะเร็งจะงอกมาใหม่ โดยผู้ป่วยจะปวดเหนือปากทวารขึ้นไป และจะปวดในช่องทวารที่ปิด
 
 มะเร็งไทรอยด์      มะเร็งไทรอยด์พบได้ไม่มากนัก อาการจะมีก้อนขึ้นที่บริเวณต่อมไทรอยด์ โดยจะโตขึ้นและค่อนข้างเร็ว ต้องตรวจ
โดยการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ จึงจะรู้ได้ว่าเป็นมะเร็ง
       การรักษามะเร็งไทรอยด์ส่วนใหญ่จะใช้การผ่าตัด และให้กินน้ำแร่ กินยาฮอร์โมน หมอมักจะให้แคลเซียม เพราะ
แคลเซียมในร่างกายมีน้อยลง บางคนก็ต้องฉายแสงด้วย โอกาสหายมี 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะมะเร็งไทรอยด์มักจะกระจายต่อไปยังปอดและกระดูก
 
มะเร็งทอนซิล      เป็นเนื้องอกที่ต่อมทอนซิลข้างใดข้างหนึ่ง โดยมากจะเป็นแผลและบวม เวลากินข้าวจะเจ็บคอ มีก้อนออกมาข้าง
นอกคอและใต้คาง มะเร็งต่อมทอนซิลเท่าที่เห็นมี  2 อย่าง เป็นมะเร็งต่อมทอนซิลแท้ๆ และเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ที่ทอนซิล เรียกว่า ลิมโฟมา  ( Lymphoma )
      การรักษา ถ้าเป็นมะเร็งต่อมทอนซิลแท้ มักจะตัดและฉายแสงถ้าเป็น lymphoma  ที่ต่อมทอนซิลมักจะใช้ยาเคมีโอกาสหายน้อยมากส่วนที่พบมักจะงอกแล้วงอกอีก จนต้องใช้ยาเข็มละแสนก็ไม่เห็นหาย
 
      
มะเร็งผิวหนัง       มีหลายชนิด แต่ชนิดที่รักษาไม่หายชื่อว่า เมลาโนมา ( meloanoma ) ส่วนมากมีแผลเป็นสะเก็ดที่ผิวหน้าและมีลาโนมาจะเกิดที่ผิวหนังส่วนใดของร่างกายก็ได้ แต่ส่วนมากจะเกิดที่มือและเท้า ถ้าไม่ได้ยุ่งกับมัน (ถ้าไปตัดตรวจ ) มักจะกระจายไปขาหนีบ แขน รักแร้ ปอด และตับ เห็นคนไข้ถูกตัดแขนตัดขาบ่อยๆ บางคนก็ฉีด  infeferon ราคาแพงบางคนก็แพ้ และตายในที่สุด การรักษาเปอร์เซ็นต์หายเกือบไม่มีหมอมักจะตัดแขนตัดขา เลาะต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ และให้ยาเคมีฉายแสง ทำอยู่อย่างนี้ แต่ก็ไม่หาย
 
         

        
มะเร็งกระดูก ส่วนมากจะเป็นกระดูกส่วนยาว เช่น กระดูกแขน กระดูกขา โดยเฉพาะใกล้ๆ หัวเข่า มักรักษาไม่หาย ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใด พบในวัยรุ่นมากกว่าผู้ใหญ่ ส่วนมะเร็งที่กระจายมักจะกระจายเข้ากระดูกชิ้น ๆ เช่น สันหลัง
ซี่โครง สะโพก เป็นต้น
 การรักษา มักจะตัดขา ตัดแขน แต่มะเร็งมักจะกระจายเข้าต่อมน้ำเหลือง ที่ขาหนีบ เข้าในรักแร้ และเข้าปอด
โอกาสหายยากมาก
 
มะเร็งในช่องปาก    มักพบที่ลิ้น  เหงือก และเพดานปากเป็นส่วนมาก จะเป็นกับผู้สูงอายุ
 การรักษาคือ การผ่าตัด เคมี ฉายแสง แต่ไม่ค่อยได้ผลมักจะงอกกลับมาอีก
 
               
มะเร็งหลังโพรงจมูก       พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ส่วนมากเป็นกับผู้ที่มีเชื้อสายจีน อาการเริ่มแรกจะหูอื้อข้างใดข้างหนึ่ง คนที่มีอาการนี้แพทย์หู ตา คอ จมูก มักจะบอกว่าน้ำในช่องหูไม่เท่ากัน แต่ความจริงกลับเป็นมะเร็งทำให้คนไข้รู้ช้า ต่อเมื่อมีก้อนที่ใต้คางจึงจะรู้ ทำให้ยากแก่การรักษา
      การรักษาแผนปัจจุบันยากที่จะหายขาด ใช้เคมี ฉายแสงส่วนมากมักจะงอกกลับมาใหม่ และกระจายไปอวัยวะอื่น โดยเฉพาะกระดูก โอกาสหายน้อยมาก
 
     
มะเร็งกระเพาะอาหาร       มักพบในคนสูงอายุ คนไข้จะมีอาการเริ่มเบื่ออาหาร จุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย
        การรักษาแผนปัจจุบันจะใช้การตรวจ โดยส่องกล้องเข้าไปตรวจทางหลอดอาหาร เข้ากระเพาะ เรียกว่า Gastroscope การ รักษาโดยการผ่าตัดกระเพาะอาหารส่วนบน  ก็จะเอาลำไส้เล็กมาต่อกับหลอดอาหาร
      โอกาสที่จะหายขาดยากมาก คนไข้บางคนเป็นมะเร็งที่กระเพาะอาหารส่วนกลาง กระเพาะอุดตันและอาเจียนอยู่ตลอดเวลา แทนที่หมอจะรีบผ่าตัดออก หรือต่อลำไส้กับกระเพาะอาหารเพื่อให้อาหารผ่านได้กลับไม่ทำ จะให้เคมีสวนตลอดเวลา บอกว่าต้องให้เคมีก่อนให้ก้อนยุบจึงจะตัดได้ ผมเห็นทนไม่ไหวสักรายเพราะกินไม่ได้ พอกินไม่ได้ก็ยิ่งให้เคมี ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ไม่ต้องรักษากันแล้ว เพราะคนไข้ผอม ไม่มีแรง
       ผมเคยเห็นคุณหมอไปรับคนไข้เช่นนี้จากโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ มาทำการผ่าตัดต่อกระเพาะอาหารกับ
ลำไส้ หลังจากนั้นเดือนเดียวคนไข้ไม่อาเจียน กินได้ เดินได้ คุณหมอรักษาด้วยยาสมุนไพรปรากฏว่าคนไข้ก็ยังอยู่ได้
 

 มะเร็งกับวิธีการรักษาแบบต่างๆ   การรักษามะเร็งมีหลายแบบ

  การทำ TOCE และ  TACE        การทำ  TOCE  คือการฉีดสารลักษณะคล้ายโฟมเข้าไปในเส้นเลือดแดงที่ขาหนีบขวา เพื่อไปบล็อกไม่ให้เส้นเลือดแดงไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง ในตำรามะเร็งบอกว่า การทำ TOCE  ไม่ถือว่าเป็นมาตรฐานในการรักษา เป็นเพียงการทดลองเท่านั้น และผมก็เห็นทำเช่นนี้ส่วนมากคนไข้ทำไปครั้งสองครั้ง หรือหลายครั้งก็ไม่เห็นรอด ส่วนมากจะทำ  TOCE
มากกว่าการทำ  TACE  ส่วนการทำ  TACE  คือการฉีดสารเคมี

       การที่คนไข้มาพบคุณหมอ คุณหมอจะซักประวัติอาการอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นผลเลือด การทำงานของตับ
ไต อาการปวดบริเวณนั้นๆ ขนาดของก้อนมะเร็ง และจะแนะนำในทางที่ถูกที่ควรในการรักษา คุณหมออิงการรักษาพยาบาลเป็นหลัก เพราะท่านเป็นศัลยแพทย์ แต่ใช้สมุนไพรร่วมในการรักษา สมุนไพรของท่านมีการควบคุมการ
กระจายของมะเร็ง แต่ปัจจุบันยาแผนปัจจุบันไม่มีวิธีควบคุมนี้เพราะวิธีที่ใช้รักษาก็มีอยู่ 3 วิธี คือตัด  ใช้คีโม ฉายแสง
วนเวียนอยู่อย่างนี้ 50-60 ปีมาแล้ว แต่คุณหมอใช้สมุนไพรเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของมะเร็ง เช่น ทานยาสมุนไพร
ก่อนผ่าตัด 1 เดือน แล้วจึงผ่าตัดซึ่งทำให้เกิดผลดี มิให้มะเร็งกระจาย ท่านเคยบอกกับผมว่า ถ้าแผนปัจจุบันนำวิธีการ
รักษาของท่านไปใช้คงจะมีโอกาสรอดเยอะ แต่เขาก็ไม่ทำกัน ( ไม่รู้ทำไม )
การฝังแร่

       ใช้เฉพาะมะเร็งปากมดลูก โดยการฝังแร่เรเดียมบริเวณปากมดลูก เพื่อให้รังสีเรเดียมไปฆ่าเซลล์มะเร็ง ซี่งจะได้ผลหรือไม่แล้วแต่ระยะของมะเร็งที่เป็นDrain

      จะเป็นสายยางต่อท่อน้ำเหลืองออกมาหลังผ่าตัด ท่อนี้จะฝังไว้ในช่องเชิงกรานซึ่งเป็นส่วนลึกที่สุด ให้ปลายท่อไหลมาเหนือหัวหน่าวให้น้ำเหลืองในช่องท้องหรือหนองใสไหลออกมาจากท่อ เมื่อไม่มีน้ำออกมาแล้วเราก็ดึงท่อออกแต่ปัจจุบันไม่ค่อยเห็นแพทย์ Drain ทางหัวหน่าวมักจะเย็บปิดไปเลย ผลปรากฏว่าสมัยนี้ลำไส้จะติดกันหลังผ่าตัดการรักษาโดยยาสมุนไพรของหมอสมหมาย ทองประเสริฐ

       คุณหมอรักษาแบบแพทย์ทางร่วม คือแผนปัจจุบันร่วมกับยาสมุนไพร แต่รักษาเมื่อรู้หรือสงสัยว่าเป็นมะเร็งต้องเริ่มที่คุณหมอก่อน

       ยาสมุนไพรของท่าน ใครได้ทานยาก่อนผ่าตัด ก่อนทำการรักษาใดๆ ทั้งสิ้น ร่างกายของผู้ป่วยจะแข็งแรง มีภูมิต่อ
ต้านมะเร็ง ถ้าผ่าตัดหรือทำอะไรต่อ มะเร็งก็จะไม่กระจาย บางรายถ้ามีก้อนจะยุบให้เห็นบางคนก้อนฝ่อไปเลย โดยไม่ต้อง
ผ่าตัด แต่ไม่มีใครคิดเริ่มทำ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน เพราะหมอทั้งหลายไม่ยอมพิสูจน์ มีแต่วิธีการนี้เท่านั้นที่จะช่วยเหลือคนไข้ให้อยู่รอด และยืดอายุได้ โดยมะเร็งไม่กระจาย เคยมีคนไข้ที่ฉายแสงบอกว่า กินยาต้มแล้วไม่ค่อยแพ้ คนที่มารักษาด้วยกันแต่ไม่ได้กินยาต้ม แพ้มาก ทั้งอาเจียนและผิวหนังไหม้ ถ้าคุณหมอสมหมายไม่อยู่ วิธีนี้ก็คงสูญสลายไปกับชีวิตของท่าน ก็ไม่แน่ว่าหากท่านไม่อยู่แล้ว เขาอาจนำมาเริ่มใช้กัน เหมือนการฝังแร่เรเดียมรักษามะเร็ง ซึ่งมาดามคิวรีเป็นผู้ค้นพบ ในช่วงแรกนั้นก็ไม่มีใครใช้วิธีนี้ ทั้งที่คิดค้นมาเป็น100 ปี ขาดหายไปช่วงหนึ่งแล้วถึงเริ่มกลับมาใช้กันใหม่

       ทุกวันนี้เห็นมีแต่ใช้คีโม ฉายแสง ส่วนมากก็ไม่ได้ผลดี ทรมานร่างกายทรุดโทรม แพงก็แพง ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่ก็ยังใช้กันอยู่ยิ่งยาแบบใหม่ที่ฝรั่งเขาใช้กันแล้วส่วนใหญ่ส่งมาให้คนไทยทดลองใช้ เข็มละเป็นแสน ก็ไม่เห็นจะได้ผล
 เมืองไทยเดี๋ยวนี้มีการรักษาแบบซ้ำไปซ้ำมา รักษาแบบวนไปวนมา แบบนี้มา 50 ปี ผ่าตัด คีโม  ฉายแสง มะเร็ง
ก็เป็นเซลล์ที่มีชีวิตมีการพัฒนาตัวเอง เพื่อต่อต้านยาเคมีเหมือนกัน ดังนั้นการรักษาเดิมๆ ทำมา 50 ปีด้วยวิธีเดียวย่อมไม่หาย เพราะเซลล์มะเร็งสามารถสร้างเกราะป้องกันและต่อต้านได้

สาเหตุที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่ยอมรับยาสมุนไพร        มีชาวอเมริกันชนผู้หนึ่งพูดกับผมว่า คนไทยไม่เอาของดีในเมืองไทย สมุนไพรไทยก็เอาไปขายในเมืองจีน ญี่ปุ่น เสร็จแล้วก็ตีตราว่า From Chaina, From Japan ส่งกลับมาขายเมืองไทยต่ออีกทีในราคาแพงเพราะสมุนไพรไม่ถูกนำมา
ประยุกต์ใช้ในการรักษาโรค พึ่งแต่ยาฝรั่งที่นำเข้ามาเป็นแสนเป็นล้าน คนไทยที่เป็นหนูทดลองให้กับยาฝรั่ง ฉะนั้นน่าจะตั้ง
เป็นศูนย์วิจัยยาสมุนไพรให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย องค์กรยาบอกว่าน้ำมันรุ่นนี้ดี แต่ถ้าลองมาใช้แล้วไม่ดีก็แค่เลิกใช้ ไม่มีใครมาบังคับได้ แต่ถ้าองค์กรยาบอกว่ายาตัวนี้ใช้รักษาโรคนี้ได้ เราก็ต้องเอาง่ายๆ ขนาดการจดทะเบียนยาของโรคมะเร็ง
ยังจดไม่ได้เลย แม้ว่าทางคลินิกพิสูจน์มาแล้วว่ารักษาหายได้ตั้งมากมาย แต่ก็ไม่สามารถจดทะเบียนยาได้ เพราะมีเรื่องผล
ประโยชน์เข้ามา หรือจะเป็นด้วยอะไรก็ไม่ทราบ

        การแพทย์แผนปัจจุบันที่เริ่มเรียนกันมาตั้งแต่ต้นตอ อาจารย์ก็เป็นคนสอนนักเรียนแพทย์เองว่า  อย่าไปเชื่อยา
สมุนไพร เมื่ออาจารย์สอนเช่นนั้น นักเรียนแพทย์ก็ต้องเชื่อ สาเหตุแรกเลย คือ ยาสมุนไพรไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ตามหลัก
วิทยาศาสตร์ สองก็คือ ยาสมุนไพรที่เป็นยาต้ม แพทย์มักจะบอกว่าอย่ากินยาสมุนไพรเพราะว่ามี steroid แต่ยาสเตีย
รอยด์นั้น ในเคสผู้ป่วยที่มีอาการย่ำแย่ ผมก็เห็นแพทย์แผนปัจจุบันให้คนไข้กินกันทั้งนั้น สเตียรอยด์ ตัวนี้ก็คือ เพรดนิโลโซน ( Prednisolone ) เห็นจ่ายยากันเป็นเรื่องปกติเลย บางรายต้องทานถึงมือละ 5 เม็ด เรียกว่าทานกันจนหน้าบวม
เลยทีเดียวที่แพทย์ให้ยาสเตียรอยด์ก็เพราะไม่รู้จะให้ยาอะไรแล้ว จนปัญญาแล้ว แต่ก็ต้องให้ยาอะไรสักอย่าง
 จะเห็นได้ว่า การรักษามะเร็งตามแผนปัจจุบันแบบนี้ มะเร็งจะดื้อในการรักษาและงอกเร็วกว่าสมัยก่อน
 
นายแพทย์สมหมาย   ทองประเสริฐ
หมอเทวดา   ผู้รักษาชีวิต    รอดจากมะเร็ง




 

หมอเทวดา   ผู้รักษาชีวิต    รอดจากมะเร็ง
อายุ   90  ปี

คติประจำใจ
                                     ถึงแม้นไม่ทำดีในแดนดิน      จะถวิลถึงสวรรค์นั้นอย่าหมาย
                                      ถ้าแม้นไม่มีน้ำใจในอุรา        ท่านจะหาน้ำใจจากใครได้
       
                                                                                    นายแพทย์สมหมาย    ทองประเสริฐ
 
เรื่องราวในอดีต     ผมเป็นคนสิงห์บุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่  27  ธันวาคม พ.ศ. 2464  ปัจจุบันอายุ 90 ปีแล้ว  คุณพ่อคุณแม่มีบุตรธิดารวม 7 คน โดยผมเป็นคนที่ 5 คุณพ่อคือนายกิมซิด  คุณแม่นางพิมเสน  ทองประเสริฐ  พี่ชายคนโตของผม ชื่อศาสตราจารย์พันตรีนายแพทย์ประจักษ์   ทองประเสริฐ  เป็นอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช พี่ชายคนที่สองชื่อนายหงวน  ทองประสริฐ  เป็นลูกศิษย์ท่านปรีดี  พนมยงค์ พี่สาวคนที่สามและที่สี่แต่งงานเป็นแม่บ้าน  ส่วนผมซึ่งเป็นบุตรคนที่ห้า  เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เด็ก พ.ศ.2471  ที่โรงเรียนประจำเซนต์ปีเตอร์  ซึ่งอยู่ตรงตึกซิงเกอร์ สี่-พระยาในปัจจุบัน  น้องสาวคนที่หกยังมีชีวิตอยู่ส่วนน้องชายคนที่เจ็ดเป็นนายทหาร  จบการศึกษาจากโรงเรียนวชิราวุธ  ปัจจุบันมีพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่เพียงสามคน  คือพี่สาวคนที่สามอายุ 95 ปี ผมอายุ 90 ปีและน้องสาวอายุ 84 ปีนอกนั้นเสียชีวิตหมดแล้ว           
ในวัยของการศึกษา      ครอบครัวของผมสนับสนุนการศึกษาเฉพาะผู้ชายส่วนลูกผู้หญิงไม่ส่งเสียให้เล่าเรียน พี่ชายของผมนับว่าได้เป็นชาวสิงห์บุรีคนแรกที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ได้ทุนของร็อกกี้ เฟลเรอร์ ไปเรียนต่อที่ยอห์นฮอสปิตัส ประเทศอเมริกา  ส่วนผมสำเร็จเภสัชศาสตร์บัณฑิตสมัยเด็กศึกษาที่ ร.ร. เซนต์ปีเตอร์ ในปี พ.ศ. 2471 และจบ ม.5 ในปี พ.ศ. 2478 สมัยที่ผมเรียนนั้น การศึกษายังมีระดับชั้น ม. 8 อยู่ ไม่ได้มีเตรียมอุดมศึกษาเหมือนสมัยนี้ หลังจากจบชั้น ม.5 ร.ร. เซนต์ปีเตอร์ ก็มาศึกษาต่อที่ ร.ร. อำนวยศิลป์ ปากครองตลาดจนจบ ม.8 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้าย หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเตรียมอุดมซึ่งคุณชอุ่ม  ปัญจพรรค์ เป็นนักเรียนเตรียมอุดมหมายเลข 1

จิตใต้สำนึก “ชีวิตคือ  ธรรมชาติ”       อีกประการหนึ่ง ผมมีจิตสำนึกอยู่เสมอว่าในโลกนี้ธรรมชาติทำให้เกิดโลก แล้วธรรมชาติต้องมียาแก้โรคให้ด้วย เช่น การใช้ซิงโคน่า(Cinchona) รักษาโรคมาเลเรีย ใบดิจิตาลีส ( Digitalis) รักษาโรคหัวใจในสัตว์ เช่น แมว สุนัข ไม่สบายก็จะไปเที่ยวหาต้นหญ้ากิน พออาเจียนแล้วก็หาย นั่นคือการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ แต่มนุษย์เราโดยเฉพาะการแพทย์ทางตะวันตกไม่ค่อยคิดเรื่องนี้ พยายามค้นคว้าไปทางเคมีเป็นส่วนมาก

       ผมเข้าศึกษาต่อที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยมีพี่ชายเป็นคนส่งเสียให้เล่าเรียน ผมสำเร็จคณะเภสัชศาสตร์ได้เหรียญทองและเป็นอาจารย์ที่เภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามกฎได้ 1 ปี ก็ออกมาศึกษาแพทย์ต่อที่ศิริราช สมัยนั้นหากจะเรียนแพทย์ต้องเรียนที่ศิริราชแห่งเดียวเท่านั้น ที่อื่นยังไม่มีการเรียนการสอน ในคณะเรียนผมก็ใช้ความรู้ทางเภสัชฯ ไปทำงานร้านขายยา เพื่อส่งเสียตัวเองเรียนแพทย์จนกระทั่งผมจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2494 ที่จริงแล้ว ผมคุ้นเคยกับโรงพยาบาลศิริราชมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากตอนอายุเพียง 7-8 ปี เวลาเปิดเทอมผมก็จะมาอยู่กับพี่ชายที่ศิริราช ส่วนมากจะไปอยู่กับพวกพี่ๆพยาบาล เพราะพี่ชายต้องทำงาน สมัยเมื่อ พ.ศ. 2471 นั้น ศิริราชยังเป็นป่าอยู่เลยมีตึกเพียง 5 ตึก มีโรงกระโจมใช้ผ้าขึงเป็นห้องผ่าตัด

       สมัยเมื่อผมเรียนแพทย์ศิริราชอยู่ปี 3 ปี 4 จนกระทั่งสำเร็จการศึกษา และทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้านแผนกศัลยกรรมอยู่ที่ศิริราชนั้นผมสนใจเรื่องการศึกษามะเร็งมากเพราะการศึกษาโรคอื่นๆ ทางศัยลกรรมสามารถรักษาให้หายได้ง่าย แต่การรักษามะเร็งนั้นยากมาก ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดหรือฉายรังสีก็ดี

      เนื่องจากผมสำเร็จเภสัชศาสตร์บัณฑิตก่อนมาเรียนแพทย์  ผมจึงมีความคิดว่าน่าจะค้นคว้าหาสมุนไพรมาช่วยในการรักษามะเร็งบ้าง  แต่ในขณะนั้นผมเป็นลูกน้องไม่สามารถที่พูดเสนอความคิดได้

      เมื่อสำเร็จการศึกษาจากศิริราช  แล้วด้วยความที่เป็นคนชอบทดลอง  ผมมาอยู่สถานเสาวภา  1 ปี  ก็อยากทดลองเรื่องวัคซีนกับเซรุ่มในการรักษาโรคพิษสุนัขบ้า  พอครบปีก็กลับมาเป็นศัลยแพทย์ที่ศิริราช  เป็นศัลยแพทย์ได้สองปี  สมัยนั้นไม่มีตำแหน่งให้ต้องเป็นลูกจ้าง  ผมเป็นลูกจ้างรับเงินเดือน เดือนละ 700 บาท  ( สมัยนั้นทองบาทละ 60บาท ) 

หลังจากจบการศึกษาแพทย์      หลังจากจบการศึกษา  ผมตั้งใจว่าจะกลับไปอยู่สิงห์บุรีเพราะแม่ของผมอยู่ที่นั้นตามลำพัง  แม่ก็อายุมากแล้วไม่มีใครคอยดูแล  เนื่องจากพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478  ดังนั้นเมื่อผมทำงานที่ศิริราชครบ  2  ปี   อีกทั้งตัวเองอยากได้ตำแหน่งประจำเพราะสมัยนั้นหาตำแหน่งประจำอยากเหลือเกิน  มีตำแหน่งประจำก็เป็นแผนกกระดูกซึ่งผมไม่ต้องการ

      วันหนึ่งขณะผมเดินทางกลับจากศิริราช  ผมได้พบกับรุ่นพี่ที่ท่าน้ำ  ชื่อหมออุทัย  ศรีอรุณ ( ภายหลังได้รับตำแหน่งพลตำรวจโทและเป็นจเรตำรวจ )  เขาถามว่าผมจะไปไหน  ผมก็บอกว่าผมจะกลับไปเอาตำแหน่งหมอกระดูกที่ศิริราช  เขาจึงออกปากว่าอยากให้ผมไปช่วยที่โรงพยาบาลตำรวจ  ถ้าวันนั้นผมกลับไปเป็นหมอกระดูกที่ศิริราช  ผมคงเกษียณอายุแค่ 60 ปี  ไม่ได้มาเป็นหมอรักษามะเร็งในปัจจุบันนี้

ผู้เริ่มต้นโรงพยาบาลตำรวจ
      เมื่อไปถึงโรงพยาบาลตำรวจ  ผมจึงได้พบว่าที่นั้นไม่มีความพร้อมอะไรเลย  ผมต้องจัดเตรียมบรรดาเครื่องไม้ เครื่องมือ จนสามารถผ่าตัดคนไข้ได้เอง  สมัยนั้นโรงพยาบาลตำรวจเป็นเพียงโรงพยาบาลในแผนกตำรวจ  ผมทำงานจนกระทั้งได้ติดยศเป็นร้อยตำรวจเอก
ก็ได้ทราบข่าวว่าสิงห์บุรี  กำลังสร้างโรงพยาบาล ผมจึงบอกหัวหน้าแผนกว่าจะขอย้ายไปโรงพยาบาลสิงห์บุรี  หากโรงพยาบาลสิงห์บุรีสร้างเสร็จ หัวหน้าผมไม่อนุญาต ท่านบอกว่า “ลื้อมาอยู่ที่นี่ไม่กี่เดือน สร้างความเจริญให้กับโรงพยาบาลตำรวจ ได้ผ่าตัดได้ ทำอะไร
มากมาย ไม่อนุญาตให้ไปหรอก” เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น  แต่ความต้องการที่จะอยากกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลบ้านเกิดมากกว่าในเดือนธันวาคมของปีนั้นผมจึงเขียนจดหมายลาออกทิ้งไว้แล้วจากไปอยู่ที่สิงห์บุรีโดยไม่ได้ร่ำลาผู้ใด